กพร.ลงนามข้อตกลงกับเอเชีย แปซิฟิค โปแตซฯ ปฏิบัติตามมาตรการและเงื่อนไข สัญญาที่กำหนด โดยเฉพาะการจัดตั้งกองทุนเพื่อดูแลชุมชนและสิ่งแวดล้อม 11 กองทุน วงเงิน 3,500 ล้านบาท หวังเดินหน้าแก้ปัญหาการขาดแคลนปุ๋ยและปุ๋ยแพงลดต้นทุนภาคเกษตรกรรมในระยะยาว
นายนิรันดร์ ยิ่งมหิศรานนท์ อธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) เปิดเผยว่า เมื่อ 26 ก.ค. กพร.ได้ลงนามในบันทึกข้อตกลง “ยินยอมปฏิบัติตามมาตรการและเงื่อนไขตามที่กฎหมายและสัญญากำหนดไว้และเงื่อนไขที่กำหนดเพิ่มเติมเป็นเงื่อนไขในประทานบัตร” กับ บริษัท เอเซีย แปซิฟิค โปแตซ คอร์ปอเรชั่น จำกัด โดยมีนายวรวุฒิ หิรัญยไพศาลสกุล ผู้จัดการใหญ่ บริษัทฯ ร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลง
ทั้งนี้ การลงนามในบันทึกข้อตกลงดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2565 รับทราบผลสัมฤทธิ์ของการดำเนินการจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นจากผู้มีส่วนได้เสียโครงการเหมืองแร่โปแตช จังหวัดอุดรธานี และให้กระทรวงอุตสาหกรรมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายให้เกิดความโปร่งใส และกำกับดูแลผู้ประกอบการให้ดำเนินการตามมาตรการป้องกันและแก้ไขผลกระทบสิ่งแวดล้อม รวมทั้งชี้แจงทำความเข้าใจเกี่ยวกับมาตรการช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการดำเนินโครงการ ต่อมาคณะกรรมการแร่ได้ให้ความเห็นชอบในการอนุญาตประทานบัตรเหมืองแร่โปแตช จำนวน 4 แปลง ของบริษัทฯ ในจังหวัดอุดรธานี เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2565
พร้อมทั้งได้กำหนดเงื่อนไขและมาตรการเพิ่มเติมให้ผู้ถือประทานบัตรต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด โดยได้มีการกำหนดกองทุนเพื่อการดูแลชุมชนและสิ่งแวดล้อม จำนวน 11 กองทุน เป็นเงินกว่า 3,500 ล้านบาทตลอดอายุโครงการ และให้มีคณะทำงานร่วมตรวจสอบกำกับดูแลการทำเหมือง ซึ่งประกอบด้วยผู้แทนจากหน่วยงานราชการ สถาบันการศึกษา และผู้เชี่ยวชาญที่เป็นผู้แทนจากผู้มีส่วนได้เสีย รวมทั้งบริษัทฯ ต้องจัดทำประกันภัยความรับผิดต่อชีวิตและทรัพย์สินของบุคคลภายนอก และวางหลักประกันการฟื้นฟูสภาพพื้นที่การทำเหมืองและเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากการทำเหมือง
“ได้กำชับให้บริษัทฯ ประกอบกิจการให้เป็นไปตามกฎหมายแร่และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง และต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันและแก้ไขสิ่งแวดล้อมที่คณะกรรมการผู้ชำนาญการในการพิจารณารายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมได้ให้ความเห็นชอบ เช่น มาตรการป้องกันผลกระทบจากฝุ่นเกลือ กองเกลือ น้ำเค็ม และการลดระดับของผิวดินที่กำหนดเพื่อป้องกันผลกระทบสิ่งแวดล้อม และให้ความสำคัญในการสร้างการมีส่วนร่วมและความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่ รวมถึงให้ความสำคัญต่อการดูแลชุมชนและการรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมในพื้นที่” อธิบดี กพร.กล่าว
สำหรับการอนุญาตประทานบัตรดังกล่าวข้างต้น เป็นไปเพื่อสนับสนุนภาคอุตสาหกรรมและภาคเกษตรกรรมของไทยให้มีวัตถุดิบแร่โปแตชเพื่อทดแทนการนำเข้า แก้ปัญหาการขาดแคลนปุ๋ยและปุ๋ยแพงในปัจจุบันและช่วยลดต้นทุนภาคเกษตรกรรมในระยะยาว ช่วยเสริมสร้างเศรษฐกิจให้แก่ประเทศ และยกระดับรายได้ ตลอดจนคุณภาพชีวิตของประชาชนในชุมชนบริเวณใกล้เคียงให้ดีขึ้น ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ฝืดเคืองจากสถานการณ์โรคระบาด ทั้งนี้ บริษัทฯ ต้องดำเนินการด้านความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมและชุมชนด้วย เพื่อให้การประกอบกิจการได้รับการยอมรับและสามารถอยู่ร่วมกับชุมชนและสังคมได้อย่างยั่งยืนต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โครงการเหมืองแร่โปแตช แหล่งอุดรใต้ ถือเป็นเหมืองแร่ขนาดใหญ่ ครอบคลุม 4 ตำบล คือ ต.โนนสูง นาม่วง หนองไผ่ และตำบลห้วยสามพาด อ.เมืองอุดรธานี จ.อุดรธานี มีแผนการผลิต 2 ล้านตันต่อปี โดยประเมินว่าจะมีปริมาณการผลิตตลอดอายุโครงการ 25 ปี อยู่ที่ 33.67 ล้านตัน มูลค่าการลงทุนเบื้องต้นประมาณ 3.6 หมื่นล้านบาท โดยรัฐบาลเชิญชวนเอกชนสำรวจ-ผลิตมาตั้งแต่ปี 2521 ริเริ่มด้วยกลุ่มทุนแคนาดา ในนาม ACCP มีรัฐบาลร่วมถือหุ้น 10% ปัจจุบันมี บมจ.อิตาเลียนไทยฯ นี้เป็นผู้ถือหุ้นหลัก แต่ถูกชาวบ้านในพื้นที่คัดค้านต่อต้านจนยืดเยื้อมา 44 ปี
เผยแพร่: ปรับปรุง: โดย: ผู้จัดการออนไลน์